มิกซ์ - ศุภวิชญ์
กองหลังตัวแทนประเทศไทย
“มิกซ์” หนุ่มนักบอลจากจังหวัดกำแพงเพชร แม้จะเป็นคนอ่อนไหวง่าย แต่ถ้าพูดถึง”ฟุตบอล” แววตาและสีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปทันที เพราะนี่คือเส้นทางในฝันที่เขาจะใช้สู้ เพื่อครอบครัวอันเป็นที่รัก
ฟุตบอลนี้ เพื่อ “พ่อ”
พ่อของมิกซ์ มีอาชีพเป็นคนรับจ้างขับรถตู้
เขาไม่เคยเจอแม่บังเกิดเกล้า แต่ความเอาใจใส่ที่พ่อมีให้
ทำให้เขาไม่เคยรู้สึกขาดความรัก
“มิกซ์” เริ่มจริงจังกับฟุตบอลเมื่อตอนอายุ 12 ปี
เขามี “ธีรศิลป์ แดงดา” กองหน้าทีมชาติไทยเป็นฮีโร่มาตั้งแต่เด็ก
แม้ว่าตัวเองจะเล่นตำแหน่งกองหลัง
ความขยันจากการฝึกซ้อมฟุตบอล ทำให้ “มิกซ์” ได้รับโอกาส
ให้มาเรียนต่อในโรงเรียนที่เป็นสถาบันลูกหนัง ของจังหวัดนครสวรรค์
ซึ่งทำให้เขาต้องห่างจากคุณพ่อมาอยู่หอกิน - นอน
แม้จะห่างกัน แต่ทุกครั้งที่ “มิกซ์” ท้อแท้ ร้องไห้ กับฟุตบอล
คุณพ่อก็จะโทรมาให้กำลังใจเขาเหมือนอยู่ใกล้กันเสมอ
คราบน้ำตา
จากความพยายาม
“มิกซ์” เป็นเด็กขยัน แต่ไม่กล้าฝันสูง แค่ขอให้ได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพก็พอ เขาไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้ไปเมืองนอกเมืองนา… การคัดตัว FC Bayern Youth Cup 2019 ตอนประกาศรายชื่อ เขาได้พูดกับตัวเองว่า มาแค่นี้ก็เหนือความคาดหมายแล้ว แต่พอถูกประกาศชื่อ เขาแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เพราะเป็นเรื่องที่เกินฝัน เขาได้แต่คิดถึงผู้ที่สนับสนุนให้เขาฝึกซ้อมหนักตลอด 1 ปีที่ผ่านมา รวมถึงกำลังใจจากคุณพ่อที่ทำให้เขาก้าวมาถึงจุดนี้
ฟิว – เกริกพล
กองกลางตัวแทนประเทศไทย
“ฟิว” เด็กหนุ่มจากจังหวัดบุรีรัมย์
เริ่มต้นเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุเพียง 7 ขวบ
เพราะเขาถูกปลูกฝังให้รักในกีฬาฟุตบอลตั้งแต่จำความได้
คุณพ่อของฟิว เป็นอดีตนักฟุตบอลเดินสาย
แต่ด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บ ทำให้คุณพ่อไปไม่ถึงฝัน
ฟิว” จึงกลายเป็นความหวังเดียวของคุณพ่อในเส้นทางสายลูกหนัง
ในช่วงเย็นหลังเลิกเรียน เขาจะหอบหิ้วรองเท้าสตั๊ด และกรวยคู่ใจ
มาฝึกที่สนามหญ้าหน้าบ้าน เพื่อฝึกเลี้ยงบอล
และยิงประตูซ้ำ ๆ แบบเดิมทุกวัน โดยมีคุณพ่อเป็นทั้งโค้ช
และเพื่อนร่วมการฝึกเพียงคนเดียวเท่านั้น
ก้าวข้ามจุดอ่อน
ชีวิตการเป็นนักฟุตบอลของ “ฟิว” ไม่ใช่เรื่องง่าย
ด้วยความสูงเพียง 165 เซนติเมตร ทำให้เขามักถูกมองข้ามเสมอ
ยามไปคัดตัวกับสโมสรต่าง ๆ ด้วยเหตุผลว่าเขาตัวเล็กเกินไปกว่า
จะเป็นนักฟุตบอล แทนที่จะตัดสินกันที่ความสามารถ
ความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้เขาเคยคิดที่จะยอมแพ้
กับเส้นทางสายลูกหนัง แต่คุณพ่อก็ยังเป็นกำลังใจสำคัญ
คอยช่วยให้เขาไม่ยอมแพ้ จนกลายเป็นแรงผลักดัน
ให้เขาขยันฝึกซ้อมมากกว่าคนอื่น
จนเขาสามารถเป็นนักฟุตบอลเยาวชน
ของสโมสร “บีจี ปทุม ยูไนเต็ด” ได้สำเร็จ
ครอบครัว
กำลังใจสำคัญ
บ่อยครั้งที่ “ฟิว” รู้สึกท้อ ยามที่เขาไม่สามารถฝึกทักษะลูกหนังได้ตามที่เขาตั้งใจไว้ แต่เขาก็ไม่เคยคิดที่จะยอมแพ้ เพราะทุกครั้งที่เขารู้สึกท้อ เขาจะคิดถึงครอบครัว โดยเฉพาะคุณพ่อ ที่คอยพร่ำสอนและให้กำลังใจเขามาโดยตลอด และความฝันที่อยากเห็นลูกชายเป็นนักบอลอาชีพ เป็นสิ่งที่ทำให้ “ฟิว” ตั้งใจพัฒนาตัวเองในทุกวัน เพื่อไม่ทำให้พ่อของเขาผิดหวัง
จะไม่เหลิง เพื่อฝันสู่
นักฟุตบอลอาชีพ
ด้วยวัยเพียงแค่ 15 ปี “ฟิว” เคยติดทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 14 และ 16 ปี แต่เขาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จกับการเป็นนักฟุตบอล ตราบใดที่เขายังไม่สามารถเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ได้รับเงินเดือนก้อนแรกของสโมสร เพื่อหาเงินมาเลี้ยงดู และตอบแทนบุญคุณของครอบครัว ตามที่เขาตั้งใจไว้ ทุกครั้งที่เขามีเวลาว่าง และไม่มีซ้อมตามโปรแกรมของสโมสร เขาจะหยิบลูกฟุตบอลออกไปซ้อมอยู่คนเดียวเสมอ และเขาจะสู้และทำเต็มที่ให้ถึงที่สุดในเส้นทางสายฟุตบอล เพราะ “ฟิว” เชื่อสุดหัวใจว่าความสำเร็จที่เกิดขึ้นทุกอย่างในชีวิตของเขา มาจากพรแสวงล้วน ๆ 100 เปอร์เซ็นต์
ลีซอ - เดชานนท์
กองหลังตัวแทนประเทศไทย
“ลีซอ” เริ่มเล่นฟุตบอล เพราะมีคุณพ่อเป็นผู้ผลักดัน
เนื่องจากมีความฝันที่จะเห็นลูกชายเป็นนักฟุตบอลอาชีพ
อย่างไรก็ตาม สำหรับเด็กคนนี้ เขาไม่ได้เล่นฟุตบอล
เพราะอยากติดทีมชาติไทย หรือไปค้าแข้งที่ยุโรป
แต่เหตุผลที่เขาเล่นบอลมีแค่อย่างเดียว คือ
มันทำให้เขา “สนุก”
เมื่อความสนุกหายไป
ในช่วงแรก “ลีซอ” เกือบเลิกเล่นฟุตบอลเสียด้วยซ้ำ
เพราะถูกคุณพ่อพาไปเรียนฟุตบอลกับอคาเดมี่ฟุตบอลอาชีพ
จากที่เขาเคยได้วิ่งไล่หวดลูกหนังบนสนาม
เขาทำได้เพียงแค่ส่งบอลไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จนทำให้ความสนุกกับการเล่นฟุตบอลที่เคยมีหายไป
และอยากเลิกเล่นฟุตบอล ไปทำอย่างอื่นแทน
แต่เมื่อเขาพัฒนาฝีเท้าตัวเองได้ เขากลับมามีความสุขกับฟุตบอลอีกครั้ง
จนฝีเท้าของเขาเข้าไปเตะตาสโมสร “บีจี ปทุม ยูไนเต็ด”
กลายเป็นนักเตะชุดเยาวชนของสโมสรชั้นนำของประเทศ
และมีชื่อเป็นนักเตะทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี
ต่อสู้กับฝันร้าย
ทว่าด้วยความกดดันที่ต้องทำผลงานให้ดีตลอดเวลา
ก่อให้เกิดเป็นความเครียด ทำให้เขาไม่มีความสุข
จนหมดความกระหายที่จะเล่นฟุตบอล และผลลัพธ์ที่เลวร้ายก็มาถึง
เมื่อลีซอหลุดทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี
อดไปเก็บตัวที่ประเทศสเปน อันเป็นความฝันของเขา
นอกจากนี้ ด้วยความสูงเพียง 174 เซนติเมตร
กับตำแหน่งกองหลัง ทำให้เขาโดนดูถูกเสมอ
ว่าไม่มีทางจะเป็นกองหลังชั้นยอดได้ ด้วยข้อจำกัดทางร่างกาย
ความผิดหวัง และเจ็บปวดในอดีต
ปลุกความเป็นนักสู้ในตัวของ “ลีซอ” อีกครั้ง
เขาทิ้งอารมณ์ของตัวเอง หันมาตั้งใจฝึกซ้อม
จนกลับมามีชื่อติดทีมชาติไทยอีกครั้ง
“สมาธิ” เคล็ดลับ
สู่ชัยชนะ
ทุกวันนี้ “ลีซอ” หาทางปรับปรุงความสามารถของตัวเอง
ทั้งทางร่างกายและจิตใจ โดยก่อนลงสนามแข่งขันทุกครั้ง
เขาจะนั่งสมาธิเพื่อให้ตัวเองมีสมาธิในเกมการแข่งขัน
เมื่อมีเวลาว่าง เขาจะไปฝึกกระโดด เพื่อลบจุดด้อยทางร่างกายของตัวเอง
และนั่งดูคลิปวีดีโอของ “ฟาบีโอ คันนาวาโร” กองหลังแชมป์โลก
ที่สูงเพียง 176 เซนติเมตร เพื่อเอามาปรับใช้กับตัวเขา
เพราะเป้าหมายของเขาในตอนนี้มีเพียงอย่างเดียว
คือการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ และติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ให้ได้
กอล์ฟ - ธนกฤต
กองกลางตัวแทนประเทศไทย
“กอล์ฟ” โตมาในครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยว
หลังจากคุณพ่อและคุณแม่ของเขาแยกทางกันตั้งแต่เด็ก
ในวัยเด็กเขามีความฝันอยากเป็น “แรปเปอร์”
เป็นยอดศิลปินในเส้นทางดนตรี
แต่แล้ววันหนึ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
เมื่อพี่ข้างบ้านของเขาชวนไปหวดลูกหนังที่สนามปูนแถวบ้าน
จากความสนุก
สู่อาชีพในฝัน
แม้จะเริ่มเล่นฟุตบอลด้วยความสนุก
แต่เมื่อ “กอล์ฟ” เห็นกระแสฟุตบอลไทยที่กำลังเติบโต
เขาจึงอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ เพื่อวันหนึ่งจะได้มีรายได้
นำเงินมาเลี้ยงดูและทดแทนพระคุณของ “แม่”
ซึ่งแม่ของเขาก็ให้การสนับสนุนเขาในทางนี้เช่นกัน
แต่ความสำเร็จของเขาไม่ได้มาโดยง่าย
เพราะเขาต้องไปคัดตัวกับหลายโรงเรียน หลายสโมสร
และมักจะจบลงด้วยความผิดหวัง แต่ด้วยความพยายาม
ที่ไม่เคยยอมแพ้ ทำให้เขากลายเป็นแข้งเยาวชน
ของสโมสร “บีจี ปทุม ยูไนเต็ด” ได้สำเร็จ
พร้อมสู้เพื่อ “แม่”
แม้ทุกวันนี้เขาจะเจอกับคุณแม่ไม่บ่อยนัก แต่ยามใดที่รู้สึกท้อ เขาจะนึกถึงคุณแม่เสมอ แม้คุณแม่จะเคยบอกกับ “กอล์ฟ” ว่าไม่ได้ต้องการเห็นลูกชายเป็นนักเตะทีมชาติ หรือต้องไปเล่นต่างประเทศ ขอแค่เป็นคนดีก็พอแล้ว แต่เขาต้องการจะเป็นนักฟุตบอลทีมชาติไทยให้ได้ เพื่อให้คุณแม่คนเดียวของเขาได้รู้สึกภาคภูมิใจ
คีม - นิติพันธ์
กองหน้าตัวแทนประเทศไทย
“คีม” เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุ 5 ขวบ เขามีคุณพ่อเป็นอดีตนักฟุตบอลเดินสาย และมีพี่ชายเป็นนักฟุตซอล ทำให้เขาเติบโตและคลุกคลีกับ กีฬาลูกหนังมาโดยตลอด
เริ่มต้นเส้นทาง
ด้วยพรสวรรค์
ด้วยสายเลือดความเป็นนักฟุตบอลอยู่ในตัว ทำให้ “คีม” ก้าวขึ้นเป็นนักฟุตซอลประจำโรงเรียน ตั้งแต่วัยเยาว์ เขาก้าวขึ้นมาเป็นดาวเด่นของทีม จนยกระดับจากนักฟุตซอลโรงเรียน กลายเป็นแข้งเยาวชนของ “อาร์มี่ ยูไนเต็ด” และต่อยอดกลายเป็นเยาวชนของ “ชลบุรี เอฟซี” สโมสรดังของเมืองไทย
รักษาเส้นทาง
ด้วยพรแสวง
ทุกวันนี้ “คีม” พยายามอย่างหนัก เขาซ้อมทุกวัน ไม่มีหยุดพัก ฝึกซ้อมยิงฟรีคิกทุกวัน เพื่อสร้างจุดเด่นให้กับตัวเอง ซึ่งก็เพื่อเป้าหมายเดียว คือการเป็นนักฟุตบอลทีมชาติไทย และไม่ใช่เป้าหมาย ที่เขาทำเพื่อตัวเขาเพียงคนเดียว แต่แรงใจทุกวันในการเล่นฟุตบอลของเขา มาจากครอบครัว ซึ่งคุณพ่อและคุณแม่ของเขาก็อยากเห็นลูกชายคนนี้ กลายเป็นนักฟุตบอลทีมชาติ สร้างความภูมิใจให้กับครอบครัวเช่นกัน
โอ๊ต – เผด็จ
กองหน้าตัวแทนประเทศไทย
แม้ตอนเด็กจะชอบเล่นตุ๊กตา
ด้วยความที่คุณพ่อเป็นนักฟุตบอลเก่า
จึงทำให้ “โอ๊ต” หนุ่มน้อยจากพัทยาคนนี้
ซึมซับกับโลกของลูกหนังมาตั้งแต่อายุ 2 ขวบ
จนเมื่อได้เรียนศาสตร์ลูกหนัง ตอนอายุ 4 ขวบ
จากการสนับสนุนของพ่อและแม่ “โอ๊ต” ก็เริ่มเปลี่ยนความชอบ
จากตุ๊กตาเป็นฟุตบอลอย่างจริงจัง และหลังจากนั้นเป็นต้นมา
เขาก็ไม่เคยห่างจากฟุตบอลอีกเลย
เส้นทางลูกหนัง
ที่ไม่เคยทิ้งการเรียน
จากนักเตะของโรงเรียนประถม “โอ๊ต” กลายเป็นแข้งเยาวชน
ของโรงเรียน “อัสสัมชัญ ศรีราชา” ที่เขาจะได้เรียนรู้วิชาลูกหนัง
จากสถาบันระดับประเทศ แต่เขาก็ไม่ได้ดีใจด้วยเรื่องนี้เท่านั้น
เขายังดีใจที่ได้เข้าเรียนกับโรงเรียนที่มีคุณภาพ
เพราะเรื่องเรียนเป็นเรื่องที่เขาไม่เคยคิดจะทิ้งเลยแม้แต่น้อย
เขาเข้าเรียนทุกวัน ไม่เคยรู้จักเหนื่อย เผื่อวันหนึ่งที่เขาไม่สามารถ
เดินตามความฝันในการเป็นนักบอลอาชีพได้ เขาจะใช้ความรู้
ที่เล่าเรียนมา ไปสอบเป็นข้าราชการตามที่ใจหวังไว้
กลับมาด้วยความพร้อมกว่าที่เคย
เช้าของทุกวัน “โอ๊ต” จะตื่นมาวิ่งเพื่อสร้างความฟิตให้กับร่างกาย
เมื่อมีเวลาว่าง เสาร์ - อาทิตย์ เขาจะฝึกซ้อมด้านเวทเทรนนิ่ง
เพราะเขาต้องการให้ร่างกายแข็งแกร่งที่สุด
เมื่อปี่ที่แล้ว “โอ๊ต” เข้ารอบ 15 คนสุดท้าย
ของรายการ FC Bayern Youth Cup 2018
แต่เขาได้รับอาการบาดเจ็บระหว่างการเก็บตัว
จนทำให้เขาหลุดไม่ได้ไปที่ “มิวนิค” ตามฝัน
แม้มันจะทำให้เขาท้อแท้และซึมเศร้า จนกินข้าวไม่ลงไปหลายวัน
แต่ด้วยกำลังใจของคนรอบข้างทำให้เขากลับมาอีกครั้งในปีนี้
และทำสำเร็จในที่สุด
คิว - พิทยา
กองหน้าตัวแทนประเทศไทย
เด็กหนุ่มที่เติบโตมาจากแฟลตตำรวจ (สน.โชคชัย)
เพราะคุณพ่อรับราชการตำรวจ
“คิว” ก็ใช้ชีวิตไม่ต่างไปจากเด็กเมืองกรุงทั่วไป
ที่มีฟุตบอลเป็นกิจกรรมยามว่างกับเพื่อน ๆ ในละแวกนั้น
แม้จะเล่นด้วยความสนุก แต่เขาฉายแววให้ผู้เป็นพ่อได้เห็นว่า
น่าจะมีอนาคตที่สดใสในด้านฟุตบอล จึงได้รับการสนับสนุน
จากครอบครัว ส่งไปเรียนทักษะฟุตบอลตามอคาเดมี่ต่าง ๆ
เลิก(ติด)เกม
เพื่อฟุตบอล
นอกจากฟุตบอลแล้ว “คิว” ยังเป็นเด็กที่ชื่นชอบและ
หลงใหลในการเล่นเกม เรียกว่าเป็น “เด็กติดเกม”
เลยก็ว่าได้ หลายครั้งที่เขาแอบหนีซ้อมฟุตบอล
เพื่อไปเล่นเกมกับเพื่อน ๆ
กระทั่งถูกพ่อจับได้ จนผู้เป็นพ่อจะให้เลิกเล่นฟุตบอล
เพื่อไปเรียนหนังสือเพียงอย่างเดียว
พร้อมกับยื่นคำขาดหากยังติดเกม
ก็ให้เลิกเล่นฟุตบอลไปเลย นั่นทำให้ “คิว”
เลิกเป็นเด็กติดเกมทันที
เพราะกลัวว่าจะไม่ได้เล่นฟุตบอลอีก
พิสูจน์ให้คนอื่นเห็น ว่าเขาทำได้
เมื่ออายุ 13 ปี เขาย้ายจาก กรุงเทพฯ ไปอยู่สมุทรสงคราม
เพื่อฝึกทักษะลูกหนังกับ “คลองโคน อคาเดมี่”
โดยเรียนที่โรงเรียนถาวรานุกูล และอยู่ที่นั้นได้ 2 ปี
ก็ตัดสินใจเข้ามาคัดตัวกับทีมเยาวชน “บีจี ปทุม ยูไนเต็ด”
ซึ่งการตัดสินใจครั้งนั้น ก็ถูกสบประมาทว่าจะคัดไม่ติด
แต่สุดท้ายเขาก็มีชื่อเป็นนักเตะเยาวชน “บีจี ปทุม ยูไนเต็ด” ได้สำเร็จ
ทุกครั้งที่มีคนถามถึงเป้าหมายในชีวิต คำตอบเดียวที่อยู่ในหัว
และออกจากปากเขาทุกครั้งก็คือ “นักฟุตบอลทีมชาติไทย”
บางครั้งจะมีเสียงดูถูกว่าเป็นไปไม่ได้กลับออกมา
นั้นจึงเป็นแรงผลักดันให้เขามุ่งมั่น ตั้งใจ เพื่อทำให้คำพูดของเขาเป็นจริง
กอล์ฟ - ณัฐกิตติ์
ผู้รักษาประตูตัวแทนประเทศไทย
การกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา
โดยมีพ่อและแม่คอยดูแล เอาใจใส่ตลอดทั้งวัน
อาจเป็นเรื่องปกติของเด็กทั่วไป
ที่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว แต่สำหรับ “กอล์ฟ”
นายทวารจากจังหวัดเลย
นี่คือสิ่งที่เขาปรารถนามากที่สุด
พ่อกับแม่ของกอล์ฟแยกทางกันตั้งแต่เด็ก
“กอล์ฟ” อยู่กับแม่ ที่ไปสร้างครอบครัวกับ พ่อเลี้ยง
โดยทั้งสองช่วยกันทำอาชีพสวนยาง
เริ่มสู้ด้วยตัวคนเดียว
เมื่ออายุเพียง 8 ขวบ “กอล์ฟ” ต้องเริ่มห่างกับที่บ้านเป็นครั้งแรก
เมื่อต้องย้ายไปเรียนในตัวเมือง จังหวัดเลย
ซึ่งห่างจากบ้านเป็นระยะทาง 30 กิโลเมตร
ขณะที่ครอบครัวของเขาไม่ได้มีรถยนต์ส่วนตัว
ทำให้เขาต้องอาศัยนอนที่บ้านพักของอาจารย์
หลังจากนั้น พ่อเลี้ยงและแม่ต้องย้ายเข้ามาทำงานในเมืองกรุง
ขณะที่ “กอล์ฟ” ก็ยังคงฝึกซ้อมฟุตบอล
จนได้เซ็นสัญญาเป็นเด็กเยาวชนของ “เชียงราย ยูไนเต็ด”
และย้ายไปอยู่ที่นั่นตั้งแต่อายุ 12 ปี
ซึ่งนั่นทำให้ “กอล์ฟ” มีความอดทนและตั้งใจฝึกซ้อม
เพราะเขามีความเชื่อว่าสักวันหนึ่ง
เขาต้องประสบความสำเร็จในเส้นทางฟุตบอล
เพื่อนำรายได้มาเลี้ยงดูแลครอบครัว
และทำให้ทุกชีวิตในบ้าน กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง
พยายามจนสำเร็จ
ปีที่ผ่านมา กอล์ฟ ตัดสินใจมาคัดตัวรายการ
FC Bayern Youth Cup 2018 เขาทำผลงานได้ดี
จนทะลุเข้ามาถึงรอบสุดท้ายระดับประเทศ
ในการประกาศหา 15 คนสุดท้าย “กอล์ฟ” นั่งติดขอบเวที
ลุ้นด้วยใจที่หวังว่าจะมีชื่อตัวเอง
แต่สุดท้ายไม่มีชื่อเขาในการประกาศผล
“กอล์ฟ” เก็บความผิดหวังไปพัฒนาตัวเองตลอด 1 ปี
เพื่อกลับมาอีกครั้งในรายการนี้
และในที่สุด กอล์ฟ ก็ผ่านเข้ารอบ
ไปแข่งที่ “มิวนิค” ได้สำเร็จ
เกมส์ – นรากรณ์
กองกลางตัวแทนประเทศไทย
“เกมส์” หนุ่มน้อยจากกรุงเทพฯ เริ่มต้นเส้นทางสายนักกีฬา
ด้วยการเป็นนักกีฬาว่ายน้ำมาก่อน
แต่ดันพบประสบการณ์อันเลวร้ายจากความโหดของโค้ช
ที่สร้างความลำบากใจให้กับเขา
จนสุดท้ายเขาก็เลือกที่จะหันหลังให้กับสระตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
แต่ในความโชคร้ายมีความโชคดีเสมอ
เพียงไม่กี่ก้าวที่หันหลังให้สระ เขาก็พบกับสนามหญ้าสีเขียว
ที่มีเด็กมากมายกำลังเล่นอยู่ ซึ่งในขณะนั้นเป็นเพียง
แค่การอยากลองเท่านั้น ยังไม่ได้คิดจริงจัง
แต่หลังจากลงไปสัมผัสกับหญ้านุ่ม ๆ
และลูกฟุตบอลกลม ๆ
“เกมส์” ก็ไม่เคยห่างจากกีฬาลูกหนัง
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
จากโหมดเล่น
สู่โหมดจริงจัง
แม้จะเริ่มเล่นฟุตบอลครั้งแรก ตอน 8 ขวบ
แต่ความสามารถของเขา เริ่มฉายแววออกมาเรื่อย ๆ
จนผู้เป็นพ่อ เห็นโอกาสอันดี
ที่จะพาลูกชายไปเรียนรู้ศาสตร์ลูกหนังเพิ่มเติม
แม้ฐานะทางบ้านจะไม่ดีนัก แต่คุณพ่อก็ผลักดันจน
“เกมส์” ได้มีโอกาสเข้าไปเรียนรู้ในสถาบันลูกหนัง
ที่มีชื่อเสียงอย่างอคาเดมี่ของ “ช้าง จูเนียร์”
จนในวัย 12 ขวบ “เกมส์”
เริ่มรู้แล้วว่าเป้าหมายในชีวิตของเขาหลังจากนี้
ต้องเป็น “ฟุตบอล” อย่างเดียวเท่านั้น ไม่มีทางอื่น
ใช้ฟุตบอล
ตามหาที่เรียน
“เกมส์” ฝึกฟุตบอลกับอคาเดมี่ของ “ช้าง จูเนียร์” มาเรื่อย ๆ
แต่หลังจากเรียนจบระดับชั้น ม.3 เขาก็ต้องพบกับทางตัน
เมื่อยังไม่มีที่เรียนต่อในระดับชั้น ม.4
จนเขาตัดพ้อและคิดว่า สงสัยจะเสียทั้งการเรียน
และเส้นทางลูกหนังที่เขารักไปเสียแล้ว
แต่แล้วเมื่อกลับมาคิดได้ว่า ตัวเองก็มีดีในเรื่องฟุตบอล
จึงเริ่มใช้ศาสตร์ลูกหนัง ในการค้นหาที่เรียนต่อ
และก็เป็น “พาณิชยการราชดำเนิน” ที่มอบโอกาสให้เขา
ในเส้นทางสายอาชีพ และฟุตบอลที่เขารัก
ครอบครัว ความฝัน
ความพยายาม
ทุกวันนี้ “เกมส์” ฝึกซ้อมอย่างหนัก แม้จะมีท้อบ้าง เหนื่อยบ้าง ได้รับคำดูถูก สบประมาทว่าตัวเล็ก ไปไม่ถึงไหนหรอก แต่เพื่อความฝันที่อยากเห็นครอบครัวสบาย คำว่า “ยอมแพ้” จึงไม่เคยอยู่ในหัวของเขา จนกว่าจะได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพ มีเงินเดือนให้พ่อแม่ FC Bayern Youth Cup 2019 จึงเป็นหนึ่งในรายการ ที่เขาเดินเข้าหาโอกาส เพื่อหาค้นหาประสบการณ์ แม้จะต้องฝ่าด้านหลายรอบกว่าจะมาติด 10 คนสุดท้าย แต่ความพยายามก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เขาทำได้ ถ้าเขาตั้งใจ
เกมส์ – ปฏิภาณ
กองหลังตัวแทนประเทศไทย
“เกมส์” หนุ่มน้อยหน้านิ่ง เติบโตในจังหวัด “นครราชสีมา” เริ่มต้นเส้นทางสายฟุตบอลตอนอายุ 6 ขวบ จากการเล่นกับคุณพ่อและพี่ชาย แม้ทั้งคู่จะเล่นเพื่อออกกำลังกายเท่านั้น แต่นั้นก็ทำให้เขาเริ่มซึมซับ และผูกพันกับฟุตบอลมากขึ้นเรื่อย ๆ
ผลดีจาก
การช่วยเหลือ
หลังจากเตะบอลเล่น ๆ มาสักพัก “เกมส์” ก็เริ่มเข้าสู่โหมดจริงจัง และเข้าสู่สังเวียนลูกหนังมากขึ้น มีโอกาสได้ไปแข่งฟุตบอลเด็กหลายรายการ จนมาวันนึง เขาถูกเรียกตัวให้ไปช่วยแข่งขันฟุตบอลรายการดัง ฟอร์มของเขาน่าอัศจรรย์ เลยไปเตะตาแมวมอง จนได้มีโอกาสเข้าสู่ทีมเยาวชนของทีม “นครราชสีมา เอฟซี“
จากบ้าน
เพื่อความท้าทาย
แม้จะได้อยู่ในทีมเยาวชนในสโมสรระดับไทยลีก
แต่เขาก็ไม่เคยปิดกั้นโอกาสของตัวเอง
เมื่ออายุ 12 ปี “เกมส์” ก็ถึงทางแยกที่เขาต้องเลือก
หลังจากทำผลงานในการแข่งขันได้อย่างยอดเยี่ยม
จน “ชลบุรี เอฟซี” หนึ่งในสโมสรที่มีระบบเยาวชน
ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ยื่นข้อเสนอให้กับเขา
แต่ต้องแลกกับการจากบ้านเกิดมาเรียนต่อที่ “ชลบุรี”
ด้วยจิตใจที่รักความท้าทาย
และความฝันที่อยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ
เขาจึงไม่รีรอที่จะตอบรับ
และที่นี่ทำให้เขาได้เห็นอนาคตชัดเจนยิ่งขึ้น
กลับมาแก้ตัว
อีกครั้ง
ใน FC Bayern Youth Cup 2018 “เกมส์” ผ่านเข้าไปถึงรอบ National Final แต่เขาต้องประสบกับปัญหาอาการบาดเจ็บ เลยทำได้แค่นั่งมองเพื่อน ๆ ของเขาประสบความสำเร็จ นั่นจึงเป็นแรงผลักให้ “เกมส์” ใช้เวลา 1 ปีที่ผ่านมา ฝึกฝนอย่างอดทน และดูแลตัวเองเป็นอย่างดี เพื่อให้พร้อมสำหรับรายการนี้ และในที่สุดเขาก็ฟันฝ่าอุปสรรคมากมาย จนกลายเป็น 10 ขุนพลตัวแทนประเทศไทย ของ FC Bayern Youth Cup 2019 ได้สำเร็จ ตามที่ใจฝันไว้
ROAD TO WORLD FINAL
DAY 7 : สร้างแรงกระตุ้น ก่อนป้องกันแชมป์
หลังบินลัดฟ้ามาเก็บตัว 1 สัปดาห์เต็ม นี่ก็เป็นช่วงสุดท้าย ที่พวกเขาจะได้เก็บตัวฝึกซ้อม ก่อนต้องทำหน้าที่ตัวแทนประเทศไทย เข้าแข่งขันฟุตบอลรายการ #FCBayernYouthCup รอบ World Final กับคู่แข่งอีก 7 ทีม 6 ประเทศ
โดยในวันเสาร์ที่ผ่านมา พวกเขามีเกมอุ่นเครื่องกับคู่แข่งจากอีกสาย เพื่อสร้างแรงกระตุ้นในการแข่งขัน และศึกษาคู่แข่งไปในตัว ก่อนออกเดินทางไปชมเกมตัดสินแชมป์ของทีม FC Bayern Munich ที่สนาม Allianz Arena ซึ่งเป็นสนามเดียวกับที่พวกเขาทั้ง 10 จะลงแข่งขันในวันที่ 19 พฤษภาคม เพื่อป้องกันแชมป์ 2 สมัยและคว้าแชมป์สมัยที่ 3 กลับมาฝากกองเชียร์ชาวไทยให้ได้
ซึ่งบทสรุปของการชิงแชมป์ในปีนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามการถ่ายทอดสดการแข่งขันได้ที่แฟนเพจ Allianz Ayudhya วันนี้ เวลา 20:00 น. เป็นต้นไป
:: อุ่นเครื่องจำลองการแข่งขันจริง ก่อนการชิงแชมป์ ::
ในช่วงเช้าของวัน มีการอุ่นเครื่องจำลองการแข่งขันจริง ซึ่งพวกเขาจะต้องพบกับคู่แข่งจากอีกสาย อันได้แก่ ทีมเยอรมัน และทีมสหรัฐฯ แม้จะเป็นเกมการแข่งขันที่ไม่ได้มีผลอะไร แต่ก็ถือเป็นการลองแผนการเล่นไปในตัว และเผื่อไปเจอในรอบถัดไปจะได้รู้ทางกันไว้ก่อน ซึ่งคู่แข่งของพวกเขาก็จัดเต็มกันมาก ๆ ใส่กันไม่ยั้ง นั้นทำให้พวกเขารู้แล้วว่าการชิงแชมป์หนนี้จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด
:: ตามส่องคู่แข่ง วิเคราะห์การเล่น ::
หลังลงอุ่นเครื่องกับคู่แข่งจากอีกสายเป็นที่เรียบร้อย พวกเขาก็มานั่งชมเกม ตามส่องคู่แข่งในสายของตัวเองกันต่อ เพื่อวิเคราะห์จุดเด่นและแผนการเล่นที่คู่แข่งน่าจะใช้ในวันชิงแชมป์ จะได้วางแผนรับมือได้ทันนั่นเอง
โดนหลังจากยืนมองอยู่นาน พวกเขาก็สรุปสั้น ๆ ว่าทีมอินเดีย เป็นทีมที่มีเกมรุกอันโดดเด่น, ทีมจีน เป็นทีมที่มีทีมเวิร์คอันยอดเยี่ยม, และทีม FC Bayern Kids Club จากเยอรมนี ถือเป็นเจ้าถิ่นที่มีสรีระที่สูงใหญ่ แต่ยังไงก็ตาม ไม่ว่าอีกทีมจะเป็นอย่างไร พวกเขาก็พร้อมสู้ไม่ถอยแน่นอน
:: ชมเกมนัดสำคัญ บนสังเวียนที่จะต้องลงชิงแชมป์ ::
ในช่วงบ่าย พวกเขาก็มุ่งหน้าสู่สนาม Allianz Arena เพื่อชมเกมตัดสินแชมป์ของทีม FC Bayern Munich ซึ่งมันก็คล้ายกับพวกเขาที่จะต้องลงป้องกันแชมป์ 2 สมัย เพื่อคว้าแชมป์สมัยที่ 3 บนสนามแห่งนี้เช่นกัน
โดยก่อนจะเข้าสนามก็ต้องถ่ายรูปรวมกันสักหน่อย เพื่อประกาศให้คนที่นี่รู้ว่า #FCBayernYouthCup มาเยือนแล้วจ้า
:: หวังคว้าแชมป์ให้ได้เหมือน FC Bayern Munich ::
เมื่อเข้ามาในสนาม บรรยากาศก็ยิ่งใหญ่กว่าเดิม แฟนบอลเข้ามาเต็มความจุ ทำเอาพวกเขาตื่นเต้นสุด ๆ จนบางคนบอกว่าทนรอไม่ไหวแล้ว อยากลงไปทำหน้าที่ตัวแทนประเทศไทยในสนามนี้เร็ว ๆ เรียกได้ว่า กระหายในชัยชนะสุด ๆ
ส่วนเกมในวันนี้เป็นการปะทะกันของทีม FC Bayern Munich และทีม Eintracht Frankfurt ซึ่งนอกจากจะมีแชมป์เป็นเดิมพันแล้ว ยังเป็นเกมอำลาสนามของนักเตะตัวเก่งที่รับใช้ทีมมาอย่างยาวนาน ประกอบไปด้วย Arjen Robben, Franck Ribery และ Rafinha โดยเมื่อเกมเริ่มทั้งสองทีมต่างผลัดกันรุก ผลัดกันรับ อย่างดุเดือด กองเชียร์ที่นี่ก็เชียร์กันมันมาก ทำให้พวกเขามีอารมณ์ร่วมตลอด จนนั่งลุ้นกันตัวเกร็ง แต่สุดท้ายด้วยการเล่นที่แน่นอนกว่าทำให้ทีม FC Bayern Munich เอาชนะไปได้ 5 ประตูต่อ 1 ป้องกันแชมป์และคว้าแชมป์ครั้งสมัยที่ 29 ไปครองได้สำเร็จ แน่นอนเมื่อเห็นทีม FC Bayern Munich ทำได้ พวกเขาก็หวังที่จะทำให้ได้เหมือนกัน
:: พร้อมแล้วที่จะสู้เพื่อคนไทย ::
หลังจากเก็บตัวมาอย่างยาวนาน ทั้งได้ฝึกซ้อมแทคติกอย่างเข้มข้นทั้งในและนอกสนามตลอดเวลา ได้รับแรงบันดาลใจ และแรงกระตุ้นมากมาย พวกเขาก็พร้อมแล้วที่จะออกไปสู้เพื่อคนไทยที่รอเชียร์กันอยู่ ให้สมกับที่ได้เป็นตัวแทนประเทศ
ซึ่งบทสรุปในแมทช์ชิงแชมป์จะเป็นอย่างไร แรงเชียร์จากทุกคนจะช่วยเติมพลังให้พวกเขาได้มากแค่ไหน เตรียมร่วมลุ้นและร่วมเชียร์ในการถ่ายทอดสดไปพร้อมกันได้ที่ Allianz Ayudhya วันที่ 19 พฤษภาคม ตั้งแต่เวลา 20:00 น. เป็นต้นไป
DAY 6 : สู้เพื่อทีม บนภารกิจนอกสนาม
ก้าวสู่วันที่ 6 ของการเก็บตัวฝึกซ้อม โดยตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันแข่งขัน เรียกได้ว่ามีเซอร์ไพรส์มากมาย ทั้งการฝึกซ้อมที่ลดลง การฟื้นฟูและการผ่อนคลายที่มากขึ้น แต่ยังเข้มข้นเหมือนเดิม ทั้งนี้ก็เพื่อให้ร่างกายของพวกเขา พร้อมที่สุดก่อนชิงแชมป์ฟุตบอลที่ Allianz Arena ในวันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคมนี้
โดยวันนี้พวกเขาจะต้องตะลุยเมืองมิวนิก เพื่อทำภารกิจแข่งขันนอกสนามกับคู่แข่งอีก 6 ประเทศ แถมมีเซอร์ไพรส์เล็ก ๆ จากทีมงานที่จะพาพวกเขาไปพบกับนักเตะซูเปอร์สตาร์ของทีม FC Bayern Munich พร้อมตบท้ายด้วยการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของแต่ละชาติ ซึ่งการเดินทางตลอดทั้งวันของทั้ง 10 ตัวแทนประเทศไทยจะเป็นอย่างไร ไปชมกันได้เลย
:: กระหน่ำช้อปที่ร้านขายของที่ระลึก FC Bayern Munich ::
สำหรับการฝึกซ้อมในวันนี้ ทีมงานที่นี่แบ่งการซ้อมออกเป็น 2 รอบ ซึ่ง #TeamThai ของเรา จะเริ่มซ้อมในรอบที่ 2 ดังนั้นในระหว่างรอ จึงเป็นโอกาสเดียวที่พวกเขาจะได้แวะเข้าไปที่ร้านจำหน่ายของที่ระลึกของทีม FC Bayern Munich ที่อยู่ห่างจากสนามซ้อมเพียงไม่กี่ก้าว
พอเข้ามาก็เหมือนอยู่บนสวรรค์ ทุกคนต่างแยกย้าย ตามหาสิ่งของที่อยากได้ทั้งเสื้อ, หมวก, กระเป๋า, กางเกง แน่นอนเมื่อของมันต้อง เงินที่แลกมาก็ต้องใช้กันสักหน่อย บอกเลยที่เห็นประหยัดกันมาตอนทัวร์เมืองไฮเดลเบิร์ก ก็เพื่องานนี้โดยเฉพาะ :)
:: ได้กลับมารวมทีมอีกครั้ง ::
หลังจากมีความสุขกับการช้อปปิ้ง ได้ของฝากกลับมามากมาย ก็ถึงเวลาที่ต้องกลับมาจริงจังกับการฝึกซ้อมอีกครั้ง โดยวันนี้เป็นการซ้อมในรูปแบบทีมตามปกติ ทางโค้ชแดเนียล และโค้ชนีลผู้ช่วย จึงเน้นให้พวกเขาได้วอร์มอัพ เพื่อให้ร่างกายฟิตอยู่ตลอดเวลา เพราะอีกไม่ถึง 2 วันก็จะถึงรอบชิงแชมป์แล้ว จึงต้องรักษาเนื้อรักษาตัวกันหน่อย เดี๋ยวเจ็บไป แย่เลย :)
:: คนพักก็ต้องทำงานหนัก ::
การฝึกซ้อมในวันนี้ มีน้อง ๆ บางส่วนที่ได้พัก เนื่องจากซ้อมติดต่อกันมาหลายวัน ดังนั้นเพื่อให้ร่างกายกลับมาสมบูรณ์ พวกเขาก็เลยต้องให้ “พี่ยิม” นักกายภาพบำบัดประจำทีม มาช่วยนำยืดเส้นยืดสายกันสักหน่อย วันชิงแชมป์จะได้ฟิต ๆ ยิงประตูได้เยอะ ๆ
:: เจอ “นอยเออร์” ตัวจริงเสียงจริง ::
เมื่อฝึกซ้อมเสร็จ ก็กลับมารับประทานอาหารที่โรงแรมตามปกติ แต่แล้วก็มีสายตรงจากทีมงาน #FCBayernYouthCup เรียกให้พวกเขากลับมาที่สนามซ้อมอีกรอบ
และเซอร์ไพรส์พวกเขาด้วยการพา “มานูเอล นอยเออร์” สุดยอดผู้รักษาประตูของทีม FC Bayern Munich และทีมชาติเยอรมนี มาพบปะให้แรงบันดาลใจ พร้อมเซลฟี่เป็นที่ระลึกร่วมกัน 1 รูป ซึ่งหลังจากที่ “มานูเอล นอยเออร์” กลับไปพวกเขาก็พูดถึงซูเปอร์สตาร์คนนี้ไม่มีหยุดเลย คงจะปลื้มมาก ๆ
:: มุ่งสู่ใจกลางเมืองมิวนิก เพื่อแข่งขันภารกิจแบบทีม ::
หลังอิ่มอกอิ่มใจกับนักเตะในฝันอยู่พักใหญ่ ในช่วงบ่าย พวกเขาก็พร้อมลุยมุ่งหน้าสู่ใจกลางเมืองมิวนิก เดินเท้าไปยังจุดต่าง ๆ เพื่อทำภารกิจกับคู่แข่งอีก 6 ประเทศ ซึ่งนี่ก็เป็นอีกเซอร์ไพรส์ที่พวกเขาไม่รู้มาก่อนว่าต้องทำอะไร ที่ไหน ยังไง เอาเป็นว่าไปตามชมกันเลยดีกว่า บอกเลยสิ่งที่พวกเขากำลังจะทำได้ทั้งชมเมือง และโชว์ลีลาการเป็นนักฟุตบอลใจกลางกรุงกันเลยทีเดียว
:: ภารกิจที่ 1 เดาะบอลกลางเมือง ::
เริ่มต้นกันภารกิจที่ 1 พวกเขาจะต้องถ่ายวิดีโอ เดาะบอลกลางเมือง โดยมีปราสาท Peterskirche เป็น Background อยู่เบื้องหลัง แน่นอนอันดับ 1 ในการเดาะบอลของ #TeamThai ก็ต้องยกให้ “คิว” นี่แหละ เดาะไปไม่กี่ทีก็ผ่านเป็นที่เรียบร้อย
:: ภารกิจที่ 2 เลี้ยงบอลศีรษะ ::
หลังจากนั้นพวกเขาก็ต้องเดินเท้าไกล ผ่านสถานที่สำคัญต่าง ๆ ของเมืองมิวนิก ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขาได้รู้จักสถานที่สำคัญต่าง ๆ ของเมืองมิวนิกไปในตัว
เพื่อไปถ่ายรูปเลี้ยงบอลบนศีรษะ และมีรูปปั้น Vater Rhein Brunnen เป็น Background โดยเรื่องทรงตัว คราวนี้ทุกคนลงความเห็นว่า ต้องเป็น “คีม” เท่านั้น :)
:: ภารกิจที่ 3 รวมตัวโหม่งบอลกลางตลาด ::
เดินทางมาถึงภารกิจสุดท้าย กับการถ่ายวิดีโอ โหม่งบอลเป็นกลุ่มแล้วส่งต่อให้ครบทุกคน กลางตลาด Viktualienmarkt โดยความยากของภารกิจนี้ คือพวกเขาจะต้องมีสมาธิอยู่ตลอดเวลา เพราะรอบข้างเป็นร้านค้ามากมาย หากพวกเขาทำพลาด อาจเกิดความเสียหายขึ้นได้
แต่เหตุการณ์เหล่านั้นก็ไม่เกิดขึ้น พวกเขาทำสำเร็จด้วยการลองเพียงไม่กี่ครั้ง จนนักท่องเที่ยวที่นี่ต้องหยุดดูกันเป็นแถว ซึ่งก็ต้องยกความดีความชอบให้กับความสามัคคีของพวกเขาล้วน ๆ ที่ทำให้ทุกภารกิจสำเร็จได้
:: โชว์สเต็ปเดาะบอลดวลคู่แข่ง ::
เมื่อทำภารกิจเรียบร้อย ก็เป็นเหมือนใบเบิกทางให้พวกเขา ได้เข้าร่วมการแข่งขันเดาะบอลแบบ Freestyle กลางจตุรัส Marienplatz ซึ่งแต่ละประเทศจะต้องส่งตัวแทนเข้าร่วมการแข่งขัน 1 คน แน่นอนคนที่เดาะบอลได้เก่งที่สุดของไทย หนีไม่พ้น “คิว” ซึ่งเขาก็ไม่ทำให้พวกเราผิดหวัง โชว์สเต็ปการเดาะบอล จนคู่แข่งจากประเทศอื่น ๆ ต้องปรบมือให้ บอกเลยเด็กไทย ถ้าทำอะไร ไม่แพ้ชาติใดในโลกแน่นอน แค่ท่าก็กินขาดแล้ว
:: ทำหน้าที่ทูตวัฒนธรรมไทย ::
ปิดท้ายวันนี้ด้วยโชว์การแสดง แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของทุกชาติที่เข้าร่วมการแข่งขัน #TeamThai ของเราจึงควัก “มวยไทย” หนึ่งในสัญลักษณ์ประจำชาติมาโชว์ให้โลกได้เห็นซะเลย โดยหลังจากที่พวกเขาขึ้นแสดง ตัวแทนจากชาติที่เหลืออีก 6 ประเทศ ก็ลุกฮือไปชมติดขอบเวที หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายวิดีโอกันเป็นว่าเล่น “มวยไทย” ที่พวกเขาคิดไว้ได้ผลจริง ๆ ทำหน้าที่ตัวแทนประเทศไทยทั้งในและนอกสนามได้ดีสุด ๆ :)
ส่วนในวันพรุ่งนี้พวกเขาจะได้เข้าชมการแข่งขันจริงในสนาม Allianz Arena ที่ FC Bayern Munich จะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ Eintracht Frankfurt โดยมีชัยชนะเป็นเดิมพัน เพื่อการันตีการป้องกันแชมป์ ซึ่งมันก็คล้ายกับตัวแทนประเทศไทยทั้ง 10 ที่จะต้องลงป้องกันแชมป์ 2 สมัย เพื่อคว้าแชมป์สมัยที่ 3 บนสนามแห่งนี้เช่นกัน ซึ่งนี่ก็เหมือนเป็นการสร้างแรงกระตุ้นให้กับพวกเขาไปในตัว
DAY 5 : มุ่งสู่มิวนิก เริ่มต้นบททดสอบ
ใกล้เข้ามาทุกที … กับการชิงแชมป์ฟุตบอลรายการ #FCBayernYouthCup หลังเก็บตัวที่แฟรงก์เฟิร์ตมาหลายวัน ก็ถึงเวลาที่พวกเขาจะต้องออกเดินทางสู่เมืองมิวนิกอย่างเป็นทางการ
ซึ่งไฮไลท์ในวันนี้พวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งเป็นครั้งแรกในการฝึกซ้อมรวม แถมในช่วงค่ำยังมีการจับฉลากแบ่งสายการแข่งขัน ซึ่งตลอดทั้งวันจะเป็นอย่างไร #TeamThai จะต้องร่วมกลุ่มกับใครบ้าง มาติดตามกันได้เลย :)
:: มุ่งหน้าสู่มิวนิก ::
วันนี้การเดินทางของพวกเขา เริ่มต้นตั้งแต่ตี 4 เพื่อมารอขึ้นรถไฟไปเมืองมิวนิก แม้เมื่อวานจะมีเกมอุ่นเครื่อง แถมยังต้องตื่นเช้า แต่พวกเขาก็ดูตื่นเต้นและตื่นตัวตลอดเวลา คงเป็นเพราะใกล้จะได้สู้ในสนามจริงสักที หลังเก็บตัวมาหลายวัน
:: ยินดีต้อนรับสู่มิวนิก ::
หลังใช้เวลาเดินทางกว่า 3 ชั่วโมง ในที่สุดก็ถึงเมืองมิวนิก และที่นี่จะเป็นที่ที่พวกเขาทั้ง 10 คน จะต้องลงแข่งขันจริง ในวันที่ 19 พฤษภาคมนี้ บนสนาม Allianz Arena
เมื่อขนของลงจากรถไฟเรียบร้อย โค้ชแดเนียลก็เรียกทุกคนรวมตัว เพื่อย้ำว่า เราได้มาถึงเมืองมิวนิกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นหลังจากนี้ทุกคนจะต้องทำมันให้เต็มที่ สู้เพื่อคนไทยที่รอเชียร์ ให้สมกับที่ได้เป็นตัวแทนประเทศไทย
:: ได้นั่งรถในฝัน ::
เมื่อเก็บของเรียบร้อย พวกเขาก็เดินขึ้นรถบัสของทีม FC Bayern Munich เพื่อมุ่งหน้าสู่สนามซ้อมทันที ซึ่งพวกเขาตื่นเต้นมาก ๆ ที่มีโอกาสได้ขึ้นมาสัมผัสรถคันนี้
แม้ในเวลาต่อมา พวกเขามีความจำเป็นต้องเปลี่ยนไปนั่งรถบัสอีกคัน แต่การได้ขึ้นไปสัมผัสบรรยากาศบนรถบัสของทีม FC Bayern Munich ในระยะเวลาอันสั้น ก็เป็นเหมือนฝันที่เป็นจริงแล้วนั่นเอง
:: ถึงเวลาสู้ในฐานะตัวแทนประเทศไทย ::
เมื่อเดินทางมาถึงสนามซ้อมของทีม FC Bayern Munich พวกเขาก็พบกับคู่แข่งอีก 7 ทีม 6 ประเทศ ได้แก่ ทีมจีน, ทีมสิงคโปร์, ทีมอินเดีย, ทีมสหรัฐฯ, ทีมเยอรมัน, ทีมไนจีเรีย, และทีม FC Bayern Kids Club บอกเลยแต่ละทีมน่ากลัวมาก สรีระเหนือกว่าเราทั้งนั้น
แต่อย่างที่โค้ชแดเนียลบอก ตอนนี้พวกเขาเหมือนมีธงชาติไทยติดอยู่ที่หน้าอกอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นยากแค่ไหนมันก็ต้องสู้กันสักตั้ง เอาเป็นว่าก่อนจะชิงแชมป์ในวันที่ 19 พฤษภาคม ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกร่วมกันสักหน่อย
:: ได้ฝึกซ้อมกับตำนาน ::
วันนี้เป็นการซ้อมรวม โค้ชแดเนียลและโค้ชนีล จึงเปลี่ยนบทบาทจากผู้ฝึกสอนมาเป็นกองเชียร์คอยมองอยู่ห่าง ๆ แทน โดยคนที่มาสอนพวกเขาในวันนี้คือ “เคลาส์ ออเกนธาเลอร์” ตำนานกองหลังมากฝีมือของทีม FC Bayern Munich และทีมชาติเยอรมนี เรียกได้ว่าแค่ได้มาเจอก็คุ้มค่าแล้ว นี่ได้ซ้อมร่วมกับตำนานอีก คุ้มสุด ๆ ได้ประสบการณ์ไว้ใช้ในสนามจริงเพียบ
:: ถึงการซ้อมเปลี่ยนไป แต่เข้มข้นเหมือนเดิม ::
แน่นอนถึงจะไม่ได้ซ้อมเป็นทีมเหมือนตอนเก็บตัว แต่ทุกการซ้อมก็หนักหน่วงหมือนเช่นเคย โดยวันนี้การซ้อมถูกแบ่งออกเป็น 4 ฐาน เพื่อฝึกทักษะทางด้านการเลี้ยงบอล, การยิงบอล, การส่งบอล, และการป้องกัน ซึ่งโค้ชแดเนียลก็กำชับกับพวกเขาให้เล่นอย่างระมัดระวัง อย่าโชว์เยอะ เดี๋ยวจะเจ็บก่อนแข่งขันจริง แต่สุดท้ายเมื่อคู่แข่งเอาจริงในการซ้อม มันก็ต้องมีโชว์กันบ้างนิดนึง
:: ลุ้นระทึกกับการจับฉลากแบ่งสาย ::
และแล้วก็ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย กับการจับฉลากแบ่งสาย ว่าใครจะได้ร่วมกลุ่มกับใคร แต่ก่อนจับฉลากแชมป์เก่าอย่างเรา ต้องนำถ้วยแชมป์ของปีที่แล้วไปคืนเสียก่อน แต่บอกเลยให้ยืมชั่วคราวเท่านั้น พวกเขาบอกว่าเดี๋ยววันชิงแชมป์จะมารับคืน
ส่วนกติกา ปีนี้จะแบ่งทีมออกเป็น 2 สาย สายละ 4 ทีม แข่งขันแบบพบกันหมด เกมละ 15 นาที เพื่อเก็บคะแนน และเอาทีมที่มีคะแนนดีที่สุดเป็น 2 อันดับแรก ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ และชิงชนะเลิศตามลำดับ
สุดท้าย #TeamThai แชมป์เก่า 2 สมัยซ้อนได้อยู่สาย B ร่วมกับ 3 ทีม ได้แก่ ทีม FC Bayern Kids Club จากเยอรมัน, ทีมจีน และทีมอินเดีย ซึ่งเราจะคว้าแชมป์สมัยที่ 3 ได้หรือไม่ อีก 2 วันเท่านั้น ถ่ายทอดสด 20:00 น. ทางแฟนเพจ Allianz Ayudhya
:: เอาจริงทุกการแข่งขัน ::
ก่อนจบวันมีการจัดทัวร์นาเม้นต์แข่งขันเกมฟุตบอล FIFA 19 โดยให้แต่ละประเทศส่งตัวแทนเข้าร่วมทีมละ 2 คน แน่นอนเรื่องแบบนี้เด็กไทยไม่เคยพลาด จริงจังราวกับแข่งจริงเสียอีก ออกท่า ออกทางเต็มที่ ยิงเข้าก็เฮ โดนยิงก็ยังยิ้มได้ แต่พอจบเกมก็
จับมือเช็คแฮนด์มอบมิตรภาพดี ๆ ให้แก่กัน
จบการแข่งขันแม้ #TeamThai จะคว้าได้เพียงที่ 3 ร่วม แต่พวกเขาย้ำว่านี่แค่วอร์มเท่านั้น ของจริงเดี๋ยวไปสู้กันในสนาม 19 พฤษภาคมอย่าลืมมาเชียร์พวกเขากันด้วยนะ
DAY 4 : อุ่นเครื่อง ลองของจริง
หลังได้พักเติมพลังไป 1 วันเต็ม! ก็ถึงเวลาที่ต้องกลับเข้าสู่โหมดฝึกซ้อมอันเข้มข้นอีกครั้ง แน่นอนวันนี้ตัวแทนประเทศไทยของเรา ดูตื่นตัวเป็นพิเศษ คงเพราะช่วงเย็นจะมีอุ่นเครื่องลงแข่งขันจริงกับทีม FC Astoria Walldorf ทีมท้องถิ่นของที่นี่
ซึ่งนี่จะเป็นโอกาสเดียวที่พวกเขาจะได้ลองแทคติกที่ฝึกซ้อมกันมาในช่วงเก็บตัว เพราะหลังจากนี้พวกเขาจะต้องเดินทางเข้าสู่เมืองมิวนิก เพื่อร่วมฝึกซ้อมกับเพื่อน ๆ อีกหลายประเทศ ทำให้อาจไม่ได้ซ้อมทีมเหมือนเช่นเคย ดังนั้นวันนี้ต้องเต็มที่อย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งผลจะเป็นอย่างไร ตามไปชมกันเลย
:: เริ่มต้นด้วยสมาธิ ::
เมื่อตื่น…ก็มุ่งสู่สนามซ้อมทันที ด้วยแรงกายและแรงใจเต็มร้อย หลังพักผ่อนมา 1 วันเต็ม ภายในห้องแต่งตัว พวกเขาดูเคร่งขรึมและมีสมาธิมากขึ้น คงเป็นเพราะอยากทำผลงานในการฝึกซ้อมและการแข่งขันออกมาให้ดีที่สุด :)
:: ทบทวนแทคติก ::
เริ่มซ้อม! วันนี้โค้ชแดเนียล เน้นทบทวนเรื่องแทคติกเป็นหลัก เพื่อให้พวกเขาเข้าใจแผนการเล่นอย่างถ่องแท้ ซึ่งพวกเขาก็ตอบรับเป็นอย่างดี ผลัดกันรุก ผลัดกันรับ ให้เสียงตอบโต้กันตลอด
:: แพ้ชนะขึ้นอยู่กับการทำประตู ::
เกมรอบชิงแชมป์วันที่ 19 พฤษภาคม มีคนรอเชียร์อยู่เยอะ ต้องรักษาแชมป์ไปฝากคนไทย แน่นอนผลแพ้ชนะของกีฬาฟุตบอล ขึ้นอยู่กับการทำประตู ถึงจะเน้นเกมรับเป็นพิเศษ แต่เกมรับที่ดีสุด คือสวนกลับแล้วทำประตูให้ได้
ดังนั้นก่อนอุ่นเครื่องในเย็นวันนี้ ก็ต้องซ้อมยิงกันเยอะหน่อย โดยวันนี้โค้ชผู้รักษาประตูของเราอาสามาเซฟลูกยิงให้ซะด้วย ส่วน “กอล์ฟ” ผู้รักษาประตูของเรา ก็คอยเซฟลูกจากการซ้อมของเพื่อน ๆ อยู่อีกฟากนึง เรียกได้ว่าเต็มที่กันทุกคน
:: ซ้อมพิเศษเพิ่มเติม ::
หลังซ้อมเสร็จ! พวกเขาก็ใช้เวลาว่างที่เหลือ ซ้อมแทคติกพิเศษ ที่คิดค้นขึ้นมาเอง ทั้งเตะมุม และฟรีคิก บอกเลยแต่ละแผนนี่แยบยลเอามาก ๆ ว่าแต่จะเป็นยังไง ต้องรอติดตามในวันที่ 19 พฤษภาคมนี้
:: เตรียมความพร้อม ฟื้นฟูร่างกาย ::
ก่อนกลับไปพัก “พี่ยิม” นักกายภาพบำบัดของเรา ก็นำพวกเขายืดเส้นยืดสายกันเล็กน้อย เพื่อบรรเทาและฟื้นฟูร่างกายหลังการซ้อม เพื่อให้ร่างกายฟิตพร้อมที่จะอุ่นเครื่องในช่วงเย็น
:: สู้ให้สมกับเป็นตัวแทนประเทศไทย ::
พอ 4 โมงเย็นก็มีการเรียกประชุมทีม เพื่อคุยรายละเอียดเรื่องแผนการเล่นที่จะใช้กับทีม FC Astoria Walldorf โดยวันนี้พวกเขาจะได้ใส่เสื้อทีมชาติไทยลงสนาม ซึ่งโค้ชย้ำว่า มีเด็กอีกหลายพันคนที่อยากเป็นตัวแทนประเทศไทยได้ใส่เสื้อตัวนี้เหมือนพวกเขา ดังนั้นวันนี้ต้องทำให้เต็มที่ สู้เพื่อบ้านเกิด ให้สมกับตราสัญลักษณ์ที่ติดอยู่ตรงหน้าอก หลังจากนั้นก็มีการรวมพลัง 1 2 3 ไทยแลนด์ สู้!
:: อุ่นเครื่อง บททดสอบของจริง ::
สำหรับการอุ่นเครื่องในวันนี้ จะแบ่งเป็น 3 ควอเตอร์ ควอเตอร์ละ 15 นาที เพื่อจำลองสถานการณ์จริงที่จะเกิดขึ้นในรอบชิงแชมป์ที่สนาม Allianz Arena
#TeamThai ทำตามแผนที่โค้ชวางเอาไว้ได้เป็นอย่างดี มีวินัยกันมาก ๆ แม้ทีม FC Astoria Walldorf จะมีรูปร่างที่สูงใหญ่และคุ้นเคยสภาพอากาศที่มากกว่า แต่ตัวแทนประเทศไทยก็อาศัยความเป็นทีมเวิร์ค และจิตใจอันแข็งแกร่งเข้าสู้
:: เล่นได้ใจ คนท้องถิ่น ::
ระหว่างแข่งขัน มีเด็กท้องถิ่นของเมือง “เบนไชม์” มาร่วมชมเกมอยู่ด้วย และการเล่นของ #TeamThai ในวันนี้ก็ดันไปโดนใจเด็กกลุ่มนี้เป็นอย่างยิ่ง พวกเขาเลยมาเป็นกองเชียร์ทีมไทย คอยส่งเสียงเชียร์อยู่เป็นระยะ ทั้งเฮ ทั้งไทยแลนด์ ทำเอา 10 ตัวแทนประเทศไทย วิ่งไม่มีหมดกันเลยทีเดียว
:: ผ่านบททดสอบ ::
จบเกม! ตัวแทนประเทศไทย อุ่นเครื่องเอาชนะทีม FC Astoria Walldorf ได้ไป 8 ประตูต่อ 0 ได้แก่ คีม 1 ลูก / โอ๊ต 2 ลูก / กอล์ฟ 1 ลูก / มิกซ์ 1 ลูก และฟิว 3 ลูก
โดยหลังเกมมีการจำลองสถานการณ์ยิงจุดโทษเพิ่มเติม แน่นอนพวกเขาก็เอาชนะไปได้อีก โดยกอล์ฟ ผู้รักษาประตูของเรา เซฟลูกยิงของคู่แข่งได้ถึง 3 ลูกติดต่อกัน เรียกได้ว่า ผลประกอบการในวันนี้ประสบความสำเร็จเอามาก ๆ พร้อมที่จะเดินทางสู่มิวนิกเพื่อเตรียมชิงแชมป์ได้แล้ว
DAY 3 : พักเติมพลัง รางวัลจากความตั้งใจ
เข้าสู่การเก็บตัววันที่ 3 ของ 10 ตัวแทนประเทศไทย หลังซ้อมหนักติดต่อกันมา 2 วัน แถมพวกเขาก็ตั้งใจฝึกซ้อมเป็นพิเศษ
ดังนั้นเมื่อทำดี…มีผลงาน! ก็ควรได้รับรางวัลตอบแทน วันนี้ทีมโค้ชเลยเปิดทางให้พวกเขาได้พักผ่อน 1 วันเต็ม เพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจให้กลับมาเต็มร้อยอีกครั้ง ด้วยการพาออกไปเปิดหูเปิดตา ผ่อนคลายที่เมือง “ไฮเดลเบิร์ก” เมืองเก่าแก่ที่มีอายุนับพันปี ซึ่งหน้าที่ของพวกเขาคือเติมพลังให้เต็มจากรางวัลที่ได้รับ เพื่อให้พร้อมสำหรับตารางฝึกซ้อมที่เข้มข้นหลังจากนี้ไปจนถึงวันแข่งขันวันที่ 19 พฤษภาคม ว่าแต่วันนี้พวกเขาจะไปเติมพลังยังไงกันบ้าง ตามไปชมกันเลย
:: ขอกำลังใจจากทางบ้าน ::
ตื่นเช้าเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือได้เล่นมือถือ เพราะปกติพวกเขาจะงดใช้ เพื่อมุ่งมั่นกับการซ้อมอย่างเต็มที่ แต่เมื่อวันนี้เป็นวันพักผ่อน การได้ส่งข้อความไปขอกำลังใจจากที่บ้าน แค่เพียงระยะทางระหว่างเดินไปขึ้นรถบัสสู่เมืองไฮเดลเบิร์ก ก็เป็นหนึ่งในการเติมพลังใจให้มีแรงกลับมาซ้อมอีกครั้งแล้ว :)
:: เริ่มต้นเติมพลัง ::
ถึงแล้วเมืองไฮเดลเบิร์ก พุ่งตรงขึ้นมาที่ปราสาทเก่าทันที จากที่หน้าง่วง ๆ ตอนอยู่บนรถบัส แต่พอลงมาปุ๊บ ยิ้มแย้มแจ่มใส สดชื่นกันทุกคน อารมณ์เหมือนแบตเตอรี่ถูกเสียบสายและเริ่มต้นชาร์จอีกครั้ง แค่มาถึงก็น่าจะได้ไป 20% แล้ว
:: เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ::
แม้จะไม่มีการฝึกซ้อม แต่การให้พวกเขาได้เรียนรู้สิ่งใหม่นอกสนาม ก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน วันนี้พี่นีล ผู้ช่วยโค้ชของเรา จึงอาสาเป็นไกด์นำทัวร์เมืองไฮเดลเบิร์ก คอยให้ความรู้แก่พวกเขาในเรื่องของประวัติความเป็นมาของสถานที่ต่าง ๆ เอาเป็นว่าได้ทั้งเติมพลัง ได้ทั้งความรู้ ครบเลย
:: เก็บภาพแทนความทรงจำ ::
โอกาสที่จะได้มาท่องโลกแบบนี้ ไม่ได้มีบ่อย ๆ พวกเขาจึงรีบตักตวงกันเต็มที่ ผลัดกันถ่ายรูปเก็บเป็นความทรงจำกันเป็นว่าเล่น เพราะทริปนี้ได้พักเต็ม ๆ มีแค่หนเดียวเท่านั้น
:: ไสยศาสตร์เพื่อแชมป์ ::
ลัดเลาะตามทางในปราสาทมาเรื่อย ๆ ก็มาพบเจอกับบ่อน้ำบ่อหนึ่ง พี่นีลผู้ช่วยโค้ชของเรา เล่าว่าที่นี่เป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เชื่อว่าผู้ที่หันหลังแล้วโยนเหรียญลงบ่อน้ำได้สำเร็จ คำอธิษฐานจะเป็นจริง
แน่นอนเรื่องแบบนี้ มีหรือคนไทยอย่างเราจะพลาด “น้องกอล์ฟ” กองกลางหนุ่ม เลยจัดให้ทันที เพื่อหวังว่า #TeamThai จะคว้าแชมป์ในวันที่ 19 พฤษภาคม บอกเลยทั้งทางตรง ทางอ้อม ตัวแทนประเทศไทยเอาหมด
:: เพื่อความรักที่สมหวัง ::
วัยรุ่นกับความรักเป็นของคู่กัน พอพี่นีลบอกว่าตรงนี้เป็นจุดที่อธิษฐานเรื่องความรักแล้วจะสมหวัง น้อง ๆ ก็พุ่งตัวเข้ามาถ่ายรูปในทันที เรื่องแบบนี้จริงจังสุด ๆ แบตเตอรี่เต็มแล้วมั้ง
:: อาหารไทยที่รอคอย ::
หลังบ่นว่าอยากกินอาหารไทยมาหลายวัน อีกหนึ่งรางวัลที่พวกเขาได้รับ คือ ได้กินอาหารไทยสมใจอยาก แต่มีข้อแม้อยู่ว่าเลือกได้แค่ 4 เมนูเท่านั้น สุดท้ายก็ออกมาเป็นแบบนี้ ต้มยำกุ้ง, แกงเขียวหวาน, หมูกระเทียม, และเมนูยอดฮิตอย่างผัดกะเพรา บอกเลยมีข้าวกี่หม้อก็หมด เติมให้เต็มท้องก่อนลุยจริง ๆ
:: เอาชนะความกลัว ::
พอกินข้าวเสร็จก็ถึงเวลาปล่อยให้พวกเขาไปช้อปปิ้ง ซื้อของฝากติดไม้ติดมือจากเมืองไฮเดลเบิร์ก แต่ด้วยความที่ไม่เคยใช้เงินยูโรมาก่อน และภาษาที่ไม่คุ้นเคย ทำเอาพวกเขาเก้ ๆ กัง ๆ
แต่สุดท้ายเมื่อของมันต้องมี ก็เลยต้องรวบรวมความกล้าเข้าสู้ สุดท้ายก็สำเร็จ ได้ของกลับไปฝากที่บ้าน ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งในประสบการณ์ที่สอนให้รู้ว่า ไม่มีอะไรที่เยาวชนไทยทำไม่ได้
:: ของฝากแทนคำขอบคุณ ::
แน่นอน! พวกเขารู้ว่ามีคนไทยรอเชียร์พวกเขาในวันชิงแชมป์อยู่เยอะ แต่คงไม่ได้มีโอกาสซื้อของฝากไปให้ ก่อนกลับพวกเขาเลยขอส่งข้อความแทนคำขอบคุณผ่านโปสการ์ดใบนี้ เพื่อให้คนไทยมั่นใจว่าพวกเขาจะทำอย่างเต็มที่
และช่วงเวลาที่เหลือหลังจากนี้ พวกเขาจะมีตารางซ้อมที่เข้มข้นไปจนถึงวันแข่งขัน เพื่อเป้าหมายหลักที่จะป้องกันแชมป์ และคว้าแชมป์สมัยที่ 3 กลับมาฝากคนไทยให้จงได้นั้นเอง
DAY 2 : ฝึกซ้อมอย่างมืออาชีพ
เข้าสู่วันที่ 2 ของการเก็บตัวฝึกซ้อมที่เยอรมนี ตัวแทนประเทศไทยทั้ง 10 คน เริ่มปรับตัวเข้ากับอาหาร และสภาพอากาศที่นี่ได้เป็นอย่างดี ส่วนในเรื่องการฝึกซ้อม บอกเลยว่าจริงจัง ไม่มีเหยาะแหยะ ทางโค้ชก็ใส่รายละเอียดด้านแทคติกลงไป ทำให้วันนี้เข้มข้นกว่าที่เคย
และแน่นอน #TeamThai ของเราก็ตั้งใจฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ แสดงความเป็นมืออาชีพ ตั้งแต่ตื่นนอน … จนจบการฝึกซ้อมในช่วงเย็น ซึ่งวันนี้พวกเขาจะฝึกหนักด้านไหนกันมาบ้าง ตามไปชมกันเลย
:: เรื่องกินเรื่องใหญ่ แต่ต้องมีประโยชน์ ::
เริ่มต้นวันด้วยการทานมื้อเช้า ข่าวดีคือ พวกเขาเริ่มปรับตัวเข้ากับอาหารที่นี่ได้แล้ว แม้จะมีบ่นอยากกินขนมอยู่บ้าง แต่เมื่อโค้ชก็ยืนกรานว่าไม่ได้! พร้อมบังคับให้ไปตักผักเพิ่ม พวกเขาก็น้อมรับเป็นอย่างดี เพราะเข้าใจว่าโค้ชอยากให้พวกเขาฟิตและกินแต่ของมีประโยชน์ตามหลักโภชนาการสำหรับนักกีฬานั้นเอง
:: ทีมเวิร์คและความรับผิดชอบ :) ::
การอยู่ร่วมกันที่นี่ ไม่ว่าจะไปซ้อม หรือ ไปกินข้าว พวกเขาจะไปพร้อมกันเสมอ จะขาดใครไปไม่ได้ เช่นเคย "ลีซอ" ยังคงทำหน้าที่รวมเพื่อน ๆ สมกับที่เป็นกัปตัน แต่วันนี้มีคนเกือบสาย เพราะลงมาแล้ว แต่อากาศดันหนาวกว่าที่คิด เลยต้องวิ่งขึ้นไปหยิบเสื้อกันหนาวมาใส่
ซึ่งถ้าเพื่อนมาไม่ทันภายใน 2 นาทีตามเวลาที่นัดก็จะมีการทำโทษเกิดขึ้น แต่สุดท้ายพวกเขาก็ลงมาได้ทันเวลา และนี่แหละความรับผิดชอบในทีมที่พวกเขาใส่ใจ เห็นเป็นเยาวชนแบบนี้ มีวินัยนะเออ
:: ฟุตบอลไม่ได้มีแค่ปฏิบัติ ::
ในส่วนของการฝึกซ้อมวันนี้ เริ่มต้นด้วยการประชุมทีม ทำความเข้าใจแผนการเล่น เพราะฟุตบอลไม่ได้มีแค่ภาคปฏิบัติ แต่ต้องมีภาคทฤษฏี เพื่อให้เกิดความเข้าใจควบคู่กันไป
แม้โค้ชแดเนียลจะเป็นชาวต่างชาติ และมีโค้ชนีลเป็นผู้ช่วยคอยแปลให้พวกเขาฟัง แต่ด้วยภาษาฟุตบอล มันก็ไม่ยากเกิน ที่พวกเขาจะเข้าใจตั้งแต่ครั้งแรกที่โค้ชอธิบายผ่านท่าทาง แถมเวลาโค้ชถามอะไร พวกเขาตอบได้หมด เรียกได้ว่าปฏิบัติก็ดี ทฤษฏีก็แน่น
:: จะซ้อม ต้องยกเอง เก็บเอง ::
เมื่อเรียนภาคทฤษฏีจบ ก็ถึงเวลาที่ต้องลองภูมิผ่านการซ้อมจริง แต่ก่อนจะซ้อมได้ ก็ต้องช่วยกัน ทั้งขนอุปกรณ์ ยกน้ำดื่ม จัดพื้นที่ บอกเลย ยกเอง ซ้อมเอง นักเลงพอ! เมื่อซ้อมเสร็จก็ช่วยกันเก็บเข้าที่เหมือนเดิม เพราะเป็นถึงตัวแทนประเทศไทย จะให้คนไทยมาเสียชื่อเพราะเรื่องระเบียบวินัยไม่ได้เด็ดขาด
:: จากทฤษฏีสู่ปฏิบัติ ::
เริ่มซ้อม! วันนี้เข้มข้นและจริงจังมาก เพราะพวกเขาเข้าใจสิ่งที่ตัวเองกำลังทำ และรู้หน้าที่ของตัวเองในสนามเป็นอย่างดี ทำให้การฝึกซ้อมในวันนี้ค่อนข้างไหลลื่น และเป็นที่น่าพอใจ
และเพื่อให้พวกเขาได้พบกับสถานการณ์จริงในการแข่งขัน โค้ชแดเนียลเลยขออาสาลงไปเป็นคู่ซ้อมด้วยซะเลย ทำเอาพวกเขาปลื้มกันใหญ่ ที่จะได้เก็บเกี่ยวเทคนิคจากโค้ช
:: ผู้รักษาประตูพันธุ์อึด ::
ด้านผู้รักษาประตู ก็เข้มข้นไม่แพ้กัน ได้โค้ชผู้รักษาประตูมือดีของที่นี่ ช่วยเทรนให้ทั้งการรับลูกเรียดและลูกโด่ง
แน่นอนว่าตำแหน่งผู้รักษาประตูมักเป็นผู้ถูกกระทำ พอซ้อมรวมกับเพื่อน ๆ ก็โดนกระหน่ำยิง เซฟแล้วเซฟอีก จนลมลุกคลุกคลาน แต่หนักแค่ไหน เราก็จะเห็น “กอล์ฟ” ลุกขึ้นมาได้ทุกครั้ง อึดจริง ๆ ผู้รักษาประตูคนนี้
:: ซ้อมจนล้า ต้องมองหาพี่ยิม ::
ซ้อมเช้าหนักขนาดนี้ จะบอกว่าล้าก็คงไม่แปลก พอได้เวลาพัก พวกเขาก็เลยต้องผลัดกันเข้าไปหา “พี่ยิม” ที่พึ่งหนึ่งเดียว นักกายภาพบำบัดของทีม ที่คอยช่วยบรรเทาอาการบาดเจ็บ และผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ล้าให้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง ทั้งนี้ก็เพื่อให้พร้อมที่สุดสำหรับการฝึกซ้อมในช่วงเย็น
:: เต็มที่ในทุกการซ้อม ::
กลับมาซ้อมต่อในช่วงเย็น พวกเขาทั้ง 10 คน ยังคงทุ่มเทไม่มีเปลี่ยน แค่ยึดกล้ามเนื้อก่อนซ้อม พวกเขาก็ไม่มองข้าม ทำอย่างเต็มที่ ดูจากภาพแล้ว ยืดสุดจริง ๆ บอกเลย
:: ทำดีต้องได้รับคำชม ::
ก่อนจบการซ้อมในวันที่ 2 ก็ต้องรวมพลังและสรุปผลงานในวันนี้กันสักหน่อย แน่นอนวันนี้พวกเขาทำได้ดีมาก ๆ จริงจัง ทุ่มเท มีความเป็นมืออาชีพสุด ๆ และในการเก็บตัวฝึกซ้อมแบบปิดเช่นนี้ บอกเลยไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้รับคำชมจากทีมโค้ชอีกแล้ว นี่แหละหนึ่งในความสุขเล็ก ๆ ที่ทำให้พวกเขามีกำลังใจสู้ต่อในวันต่อไป
ส่วนในวันพรุ่งนี้พวกเขาจะได้พัก เพื่อฟื้นฟูร่างกายจากความเหนื่อยล้า ด้วยการออกไปเปิดประสบการณ์ใหม่ที่เมืองไฮเดลเบิร์ก เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามกันต่อได้ที่นี่ https://elife.azay.co.th/footballforlifethailand
DAY 1 : จุดเริ่มต้น...การเดินทาง
หลังประกาศ 10 ตัวแทนประเทศไทยที่จะไปชิงแชมป์ฟุตบอลที่เยอรมนี ก็ถึงเวลาแล้ว ที่พวกเขาทั้ง 10 คน พร้อมทีมงาน จะต้องออกเดินทางอย่างเป็นทางการ เพื่อไปเตรียมความพร้อมก่อนแข่งขันจริงในวันที่ 19 พฤษภาคมนี้ บนสนามระดับโลก Allianz Arena สนามของยอดทีม FC Bayern Munich เรื่องราววันแรกของพวกเขา เรียกได้ว่ามีครบทุกรสชาติจริง ๆ ว่าแต่จะมีอะไรบ้างนั้น ไปติดตามกันได้เลย
การเดินทางของพวกเขา เริ่มต้นขึ้นที่นี่ "สนามบินสุวรรณภูมิ" นัดเจอ 2 ทุ่มก็มากันอย่างพร้อมหน้า ไม่มีใครมาสาย แม้แต่คนเดียว แบบนี้สิตัวอย่างของนักกีฬาที่ดี ปรบมือ! หลังประกาศผลก็ไม่ได้เจอกันเลย งั้นชักภาพร่วมกันสักหน่อย มีไปลากโค้ชและทีมงาน FC Bayern Munich TH มาร่วมเฟรมซะด้วย สงสัยจะคิดถึงการซ้อม :)
เป็นตัวแทนคนไทย! กำลังใจต้องมาก่อน พ่อ แม่ พี่ น้อง เพื่อนฝูง ตามมาเอาใจช่วยกันเพียบ นี่ถ้าแข่งที่ไทย สงสัยกองเชียร์ได้ล้นสนามแน่นอน
เมื่อร่ำลาเรียบร้อย! ก็ถึงเวลารวมพลังไปสู้เพื่อคนไทย หนึ่ง สอง สาม #TeamThai สู้!
ถึงเวลาขึ้นเครื่อง ก็ตื่นเต้นกันใหญ่ บางคนไม่เคยขึ้นเครื่องบิน บางคนไม่เคยไปต่างประเทศ แต่สุดท้ายมันก็เป็นประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่พวกเขาได้เรียนรู้
หลังอยู่บนเครื่องบินนานเกือบ 12 ชั่วโมง! ก็ถึงสักที "เยอรมนี" ลงมาปุ๊บหนาวปั๊บ อุณหภูมิที่มาต้อนรับพวกเขาอยู่ที่ 5 องศา ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ต้องออกไปลองสักหน่อย สรุปคือ “หนาวจริง” ควันออกปาก ถึงหน้าจะยิ้ม แต่ข้างในนี้สั่นเลย
ระหว่างรอรถบัสมารับ ความคิดถึงอาหารไทยก็บังเกิด "น้องโอ๊ต" ศูนย์หน้าของเรา จึงขอเติมพลังด้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้หายอยากกันสักหน่อย จะได้มีแรงซ้อมมื้อแรกตอนเย็น
จนในที่สุดรถบัสก็มาถึง! เพื่อพาพวกเขาเดินทางไปเก็บตัวยังเมืองเล็ก ๆ ที่มีชื่อว่า “เบนไชม์” ซึ่งห่างจากเมืองแฟรงก์เฟิร์ตไม่มากนัก โดยพวกเขาจะอยู่ซ้อมที่นี่ตั้งแต่วันที่ 11 - 15 พฤษภาคม ก่อนเดินทางเข้าสู่เมืองมิวนิกต่อไป
มาพูดถึงเรื่องอาหารการกินกันบ้าง ที่นี่จัดว่าเป็นสไตล์เยอรมันของแท้ แม้พวกเขาจะยังไม่ค่อยชิน และคิดถึงเครื่องปรุงรสจัด ๆ สไตล์บ้านเรา แต่ก็ไม่เกี่ยงที่จะปรับตัว มีอะไรทานหมด
เนื่องจากทีมต้องมีผู้นำ ก่อนกลับไปพักที่โรงแรม จึงมีการประชุมทีมเล็กน้อย เพื่อตกลงกฏระเบียบที่จะใช้ร่วมกันที่นี่ พร้อมแต่งตั้งกัปตันทีม ซึ่งทีมโค้ชลงความเห็นและมอบหมายหน้าที่นี้ให้กับ “ลีซอ” ซึ่งเป็นผู้ที่มีภาวะผู้นำที่สุดจากประสบการณ์ทีผ่านมา โดยเขาจะต้องดูแลเพื่อนทั้ง 9 คน ตลอด 9 วันที่อยู่ที่นี่
หน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง ภารกิจแรกของ “กัปตันลีซอ” คือการรวมเพื่อนอีก 9 คน ไปฝึกซ้อมให้มื้อแรกให้ตรงเวลา แน่นอน “กัปตันลีซอ” ไม่ทำให้ผิดหวัง รวมเพื่อนสำเร็จตามเป้าหมาย ก่อนพาทีมเดินไปสนามซ้อม ซึ่งห่างจากโรงแรมเพียงไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น :)
แม้จะเหนื่อยล้าจากการเดินทาง แถมเจออากาศอันหนาวเหน็บ แต่เป็นถึงตัวแทนประเทศไทย ซ้อมมื้อแรกก็ต้องทำให้เต็มที่ ใส่กันไม่ยั้ง โดยวันนี้โค้ชแดเนียลสอนพวกเขา ทั้งการหนีตัวประกอบ พร้อมวิธีการขึ้นเกมอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ #TeamThai เป็นทีมที่สมบูรณ์แบบที่สุด
ขนาดผู้รักษาประตูหนึ่งเดียวอย่างกอล์ฟ ยังสู้ไม่ถอย เซฟแล้วเซฟอีก ใช้ทั้งมือ ใช้ทั้งหน้า เซฟจนเลือดกำเดาไหล แต่แค่นี้จิ๊บ ๆ กอล์ฟสู้ตาย
นี่แค่ซ้อมมื้อแรก ยังจริงจังขนาดนี้ แล้วซ้อมมื้อต่อไป จะขนาดไหน และสุดท้ายตัวแทนประเทศไทยก็จบวันแรกอย่างสวยงาม ส่วนวันต่อ ๆ ไปจะเป็นอย่างไร ติดตามกันต่อได้ที่นี่ https://elife.azay.co.th/footballforlifethailand
TEAM THAI
ร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของเราได้ที่
FC Bayern Youth Cupแชร์เรื่องราวเพื่อส่งกำลังใจให้น้อง ๆ
Share